- Published Date: 15/12/2022
- by: UNDP
Ocean Heroes: พลังของคนรุ่นใหม่ กับการกำจัดขยะในทะเลด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นของนราธิวาส
‘นราธิวาส’ จังหวัดที่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะทรัพยากรทางทะเลที่การทำประมงพื้นบ้านถือเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตดั้งเดิมของพลเมืองในจังหวัดแห่งนี้ นอกจากความแปรปรวนของสภาพอากาศแบบที่คาดการณ์ไม่ได้จะเข้ามากระทบวิถีชีวิตของชาวนราธิวาสแล้ว ขยะทางทะเลก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาในปัจจุบันที่ทุกคนกำลังเผชิญ ทั้งขยะพลาสติกที่ลอยมาติดตามชายฝั่ง หรือแม้กระทั่งคลื่นที่เปลี่ยนวิถีก็เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนที่นี่ต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตมากกว่าเดิม
เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่โครงการ Youth Co:Lab โดย UNDP ประเทศไทยได้เกิดขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำหรับเยาวชนในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ทั้ง 17 ข้อ จากรูปแบบการจัดงานที่ชวนเยาวชนจากทั่วประเทศมาทำกิจกรรมร่วมกันที่กรุงเทพฯ การใช้เทคโนโลยีพูดคุยแบบออนไลน์ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 หรือแม้กระทั่งเพิ่มทักษะการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมให้กับเยาวชนที่มาร่วมงาน ทั้งหมดนี้คือการปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโครงการในแต่ละปีที่จะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมต่อไป
สำหรับ โครงการ Youth Co:Lab ในปีนี้ UNDP ประเทศไทย ก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานอีกครั้งโดยลงไปหาเยาวชนถึงในพื้นที่ และร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงจากปัญหาที่มีอยู่แล้ว ร่วมกับ อุทยานการเรียนรู้ (TK park) พันธมิตรหลักในการทำงานของปีนี้ซึ่งเชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกัน
ขยะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เมื่อไหร่จะหมดไปสักที?
Ocean Heroes ไม่ใช่โครงการใหม่ แต่เป็นค่ายกิจกรรมแรกของ อุทยานการเรียนรู้นราธิวาส ซึ่งเริ่มมาจากประเด็นเรื่องขยะทางทะเลของจังหวัดนราธิวาส ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับกลุ่มชาวประมงชายฝั่งที่อาศัยอยู่บริเวณปากอ่าวซึ่งมักจะมีขยะพลาสติกลอยมาติด และสร้างปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม รวมทั้งขยะจากอุตสากรรมการประมง เช่น การใช้อวนที่ผิดกฎหมาย ความร่วมมือกับ UNDP ประเทศไทยในโครงการ Youth Co:Lab ในปีนี้จึงเป็นการต่อยอดนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาซึ่งเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จาก UNDP ประเทศไทยได้ลงสำรวจพื้นที่จริง เพื่อพูดคุย และสร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเด็นนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จาก อุทยานการเรียนรู้นราธิวาส ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Train the Triners ในช่วงเดือนมิถุนายนเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และสร้างทักษะการเป็นกระบวนกรให้แข็งแรงให้สามารถนำกลับมาใช้ในพื้นที่ของตนเองได้
เยาวชนเกือบ 100 ชีวิตจาก 19 ทีม ส่งใบสมัครเข้าร่วมโครงการ Ocean Heroes ซึ่งจัดขึ้นในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากความสามารถในการรองรับเพียง 25 คน หรือ 5 กลุ่มเท่านั้น นี่อาจเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ Youth Co:Lab ในปีนี้ที่เข้าถึงเยาวชนในพื้นที่ได้มากขึ้น และสร้างการมีส่วนร่วมได้จริง เยาวชนส่วนใหญ่ที่มาร่วมกิจกรรมกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีอายุอยู่ที่ประมาณ 16-21 ปี โดย อุทยานการเรียนรู้นราธิวาส ได้จัดกระบวนการ First Meet ซึ่งเป็นกิจกรรมแรกสำหรับสร้างความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับ SDGs รวมถึงการจัดการขยะทางทะเลในรูปแบบต่างๆ โดยเชิญวิทยากรจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการที่แปรรูปขยะจนกลายเป็นสินค้ามาให้ความรู้ และไอเดียแก่เยาวชนทุกกลุ่ม ซึ่งเครื่องมือที่สำคัญสำหรับกิจกรรมในครั้งแรกนั้น คือการลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับปัญหาขยะทางทะเลโดยตรง หาความเกี่ยวข้องของผู้ถูกสัมภาษณ์ กับความสนใจของเยาวชนแต่ละกลุ่ม ซึ่งเด็กๆ จะเริ่มจำแนกได้ว่า ปัญหาที่พบจากการไปพูดคุยกับคนในท้องถิ่นอยู่ในมิติไหนของ SDGs เช่น เศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม จากนั้นพวกเขาต้องมาหาไอเดียสำหรับแก้ปัญหา ถามตัวเองว่าไอเดียของแต่ละทีมจะได้ประโยชน์กับใครบ้าง และพวกเขาจำเป็นต้องทำงานกับใครเพื่อให้สิ่งที่คิดไว้ให้เเกิดขึ้นจริง
กระบวนการทั้งหมดที่เกิดถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การคิดเชิงออกแบบ (Human Centred Design) เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมตัวนำเสนอในรอบคัดเลือกซึ่งจัดแบบออนไลน์ โดยมี UNDP อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และศึกษาธิการของจังหวัดนราธิวาสเข้ามาร่วมเป็นกรรมการเพื่อดูปัญหาที่เด็กๆ ได้ไปเจอมาว่าทีมไหนมีรายละเอียดที่ลงลึกมากกว่ากัน โดยในรอบนี้จะคัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบเพียง 5 กลุ่มหรือ 25 คนเท่านั้น
ถึงแม้จะมีเยาวชนบางคนที่ต้องผิดหวังจากการคัดเลือก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้เข้าใจประเด็นปัญหาขยะทางทะเลเพิ่มขึ้น และมีกระบวนการคิดเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของตัวเองต่อไปในอนาคต
แก้ไขปัญหา เริ่มที่ภูมิปัญญาท้องถิ่น
นอกจากพลเมืองทุกคนที่ไม่ควรมีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว นวัตกรรมจากภูมิปัญญาพื้นบ้านก็ควรได้รับการใส่ใจเช่นกันในฐานะหนึ่งในประดิษฐกรรมที่ประกอบสร้างชุมชนขึ้นมา หลังจากผ่านรอบคัดเลือกมาแล้ว เยาวชนทั้ง 5 ทีมจะเข้าสู่ค่าย Ocean Heroes ซึ่งใช้ การคิดเชิงออกแบบ (Human Centred Design) มาเป็นกรอบคิดหลักของการดำเนินงาน โดยก่อนจะเริ่มลงมือคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ พวกเขาจะต้องเข้าใจขั้นตอน Empathize หรือ การเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจปัญหานี้อย่างแท้จริง ซึ่งพี่ๆ กระบวนกรจาก อุทยานการเรียนรู้นราธิวาส ได้พาลงพื้นที่ไปเจอกับกลุ่มชาวประมงที่ออกเรือทุกวัน เพื่อสร้างความเข้าใจในแง่มุมเรื่องปัญหาขยะทางทะเล และได้มองเห็นมิติของการใช้ชีวิตมากขึ้น รวมถึงการพูดคุยกับคนในครอบครัวชาวประมงแต่ละบ้าน แล้วนำข้อมูลที่ได้กลับมาสรุป จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการนิยามปัญหาผ่านเครื่องมือเป็น Problem Tree ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด เพราะต้องมองในมุมกว้าง และต้องจัดเรียงลำดับของปัญหาให้ถูกต้อง
วันต่อมาพี่ๆ กระบวนกรจะเริ่มพาเยาวชนทุกคนเข้าสู่กระบวนการ หาไอเดีย (Ideate) โดยพาเด็กๆ ไปดูภูมิปัญญาท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดนราธิวาส เพราะนวัตกรรมท้องถิ่นเป็นไอเดียที่พวกเขาจับต้องได้ และสามารถต่อยอดออกไปในอนาคต ซึ่งเยาวชนทั้ง 5 กลุ่มได้ไปดูการทำเสื่อกระจูดที่บ้านทอน ผ้าบาติกที่อำเภอบาเจาะ และดูการทำกรงนกเขาชวา
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเริ่มเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเอง พวกเขารู้สึกว่าหนึ่งปัญหามีหลายทางออก และมีความเป็นไปได้มากมาย จากก่อนหน้านี้ที่เยาวชนส่วนใหญ่มักยึดติดอยู่กับไอเดียเดิมๆ หรือไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเพราะกลัวการตัดสินจากคนรอบข้าง เมื่อมีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากมาย พวกเขาจึงเริ่มรู้สึกสนุกกับการแก้ไขปัญหา และลงมือสร้าง แบบจำลอง (Prototype) ของกลุ่มตัวเองขึ้นมาเพื่อถอดไอเดียให้เห็นเป็นรูปธรรม สำหรับการนำเสนอนวัตกรรมของตัวเองในวันสุดท้าย
สำหรับกลุ่มที่คว้ารางวัลชนะเลิศไปได้ คือ ‘เก้าอี้แค้มปิ้งจากอวนเหลือใช้’ พวกเขาแปลงอวนจับปลาที่ถูกทิ้งให้กลับมามีประโยชน์อีกครั้ง และเข้ากับยุคสมัย เช่นเดียวกับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ซึ่งนำเสนอ ‘กระเป๋าจากอวนสาน’ โดยได้ไอเดียมาจากการเสื่อกระจูดของชาวบ้าน และใช้อวนเป็นวัสดุหลักซึ่งช่วยลดขยะพลาสติกในทะเลได้จริง ส่วนกลุ่มที่คว้ารางวัลที่ 3 ไปได้คือ ‘ทุ่นดักขยะในทะเล’ ซึ่งพวกเขาใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ซึ่งได้มาจากวิทยากรในช่วงแรกของงานมาสร้างนวัตกรรมนี้ขึ้น เป็นการต่อยอดอีกหนึ่งมิติที่นอกเหนือจากการีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ และช่วยลดขยะทางทะเลได้เช่นกัน
ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียงแค่ 3 วัน 2 คืน เยาวชนในจังหวัดนราธิวาสจะสามารถสร้างสรรค์ไอเดียของตัวเองได้อย่างเป็นระบบขนาดนี้ และไอเดียเหล่านี้จะไม่เป็นเพียงแค่ไอเดีย เพราะทางโครงการก็ยังจะดำเนินต่อเนื่องเพื่อทำงานกับน้องๆในการพัฒนาไอเดียเหล่านี้ไปสู่ธุรกิจเพื่อสังคม และมีทุนต่อยอดให้น้องๆลองผลิตสินค้าเพื่อแก้ไขปัญหาขยะทางทะเลออกมาขายต่อไป
โครงการ Ocean Heroes ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง UNDP ประเทศไทย และอุทยานการเรียนรู้นราธิวาส ถือเป็นเพียงตัวจุดประกายเพื่อให้ทุกคนได้ไปต่อโดยใช้เครื่องมือสำหรับสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเป็นระบบ การสร้างความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับการประชาสัมพันธ์ และการจัดการทางการตลาดซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ต้องเติมเต็มความรู้ความเข้าใจชุดนี้ให้กับเยาวชนในพื้นที่ต่อไป
การเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ในฐานะพลเมืองอาจทำให้น้องเยาวชนเข้าใจปัญหา และอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงจากมุมมองของตัวเอง โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบในทางบวกต่อพวกเขาโดยตรง สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และทำให้บ้านตัวเองน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าคนตัวเล็กๆ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องรอให้พร้อมที่สุด รู้แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเกิดจากความเข้าใจของคนทุกฝ่าย รู้แล้วว่านวัตกรรมไม่ใช่คำที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่รับฟังความเดือดร้อนของคนในพื้นที่ เพื่อคนในพื้นที่โดยเฉพาะ