- Published Date: 21/02/2022
- by: UNDP
“ปิดตา-เปิดใจ” กับพอดแคสท์จากคนพิการทางสายตาแห่งแรกของไทย
บ่อยครั้งที่ผู้ตระหนักความแตกต่างในสังคมจะรู้สึกถึงความไม่แน่ใจว่าจะเรียกคนที่มองไม่เห็นว่าเป็น “คนพิการ” ทางสายตา หรือ “คนตาบอด” ดี เพราะรู้สึกถึงศัพท์ที่สะท้อนถึงการแบ่งแยกและเน้นย้ำถึงข้อจำกัดทางร่างกาย จากวงเสวนา Youth Dialogue ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อเยาวชนผู้พิการที่จัดไปก่อนหน้านี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน คำตอบที่ได้จากผู้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นก็คือแค่ถามว่าแต่ละคนสบายใจกับคำไหนก็ให้ใช้คำนั้น ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแต่ทำยากที่สุดเพราะผู้คนไม่กล้าที่จะเปิดประเด็นนี้
เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโครงการ Youth Co:Lab 2021 ในปีนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีคนพิการทางสายตาผ่านเข้ารอบ 5 ทีมและต้องผ่านกระบวนการเทรนนิ่งอันเข้มข้นเพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างนวัตกรรมและธุรกิจเพื่อสังคมโดย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ตามที่ได้กำหนดธีมประจำปีเอาไว้ ทีมงานและผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในการหาวิธีสื่อสารเพื่อให้เยาวชนคนพิการทางสายตาได้ข้อมูลครบถ้วนและครอบคลุม รวมถึงสร้างบรรยากาศให้ได้รู้สึกเท่าเทียมกัน ซึ่งผลลัพธ์คือความประทับใจที่สมาชิกในทีมอื่นๆ ต่างช่วยกันสร้างบรรยากาศในการช่วยเหลือเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้
“ปัจจุบันเสียงของคนพิการไม่ได้ถูกเล่าจากคนพิการโดยตรง” ประโยคนี้เป็นจุดเปลี่ยนของทีม “เราเหมือนกัน” ที่อยากจะผลิตรายการพอดแคสท์เรื่องราวเกี่ยวกับคนพิการขึ้นมา โดยเนื้อหาที่ทางทีมได้ว่าไว้คือการรวบรวมไอเดียหรือชักชวนนักออกแบบต่างๆ ที่คิดถึงเรื่อง Inclusive Design มานั่งคุยถึงแนวคิดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมแต่ละอย่างขึ้นมา เช่น ผลิตภัณฑ์ สถานที่ หรืองานบริการ และมองว่ารายการนี้จะเป็นสื่อกลางสำหรับสร้างการตระหนักรู้ให้เพิ่มขึ้นด้วยว่า แต่ละคนจะออกแบบสินค้าของตัวเองในอนาคตให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกคนได้อย่างไรบ้าง
พลอย – สโรชา ตัวแทนกลุ่มเราเหมือนกันที่เป็นผู้ริเริ่มขับเคลื่อนโครงการเล่าว่า เรื่องราวของคนพิการมักถูกเล่าผ่านเรื่องราวและภาพโดยการตีความของคนไม่พิการ ซึ่งอาจถูกครอบด้วยความตื่นเต้นของคนที่ไม่เคยเห็น เช่น คนตาบอดสามารถไปเที่ยวเหมือนคนปกติได้อย่างไร และในบางครั้งก็ยังผลิตซ้ำมายาคติเดิมเกี่ยวกับความสงสารซึ่งคนที่ได้รับสารนี้ไปอาจเกิดความรู้สึกอยากช่วย “สงเคราะห์” มากกว่าทำความเข้าใจเพื่อการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่พลอยอยากให้ทุกคนรับรู้คือความธรรมดาของคนพิการที่ทุกคนต่างก็อยากจะมีกิจกรรมร่วมกันกับคนอื่นๆ ได้ มีความสนใจที่หลากหลายเหมือนคนอื่น ไม่ใช่ขยายเรื่องอย่างเกินจริงจนคนอื่นมองข้ามความธรรมดานี้ไป
“เราเหมือนกัน” ซึ่งเป็นชื่อทีมที่ตั้งไว้สะท้อนมาจากความปกติที่คนพิการก็มีความสนใจเหมือนๆ กับคนทั่วไป เช่น ความสวยความงาม การลงทุน หรือสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง รวมไปถึงความปกติทางด้านอารมณ์ที่พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกัน เช่น หงุดหงิดกับการเมือง หรือสนใจเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเหมือนกัน โจทย์สำคัญไม่ใช่การตำหนิสังคมที่หลงลืมพวกเขาไป แต่เป็นการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันระหว่างคนในสังคมเพื่ออุดช่องว่างระหว่างกัน พลอยยกตัวอย่างว่าการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน เราอาจไม่จำเป็นต้องนำเสนอปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างกันเสมอไป แต่เราสร้างสิ่งดีๆ ได้ด้วยการชื่นชมผลิตภัณฑ์ สถานที่ หรือบริการต่างๆ ที่ออกแบบมาโดยคิดถึงกลุ่มคนแตกต่างหลากหลาย เช่น การที่เฟสบุ๊คทำงานร่วมกับโปรแกรมอ่านจอภาพเพื่ออธิบายภาพในรูปถ่ายออกมาเป็นข้อความให้คนตาบอดรับรู้ หรือการที่แอปพลิเคชันต่างๆ ใช้ข้อความแทนภาพคำสั่งเมนูทำให้คนตาบอดใช้งานได้ง่าย พลอยมองว่าสิ่งนี้เป็นตัวอย่างของการออกแบบโดยคิดคำนึงถึงผู้อื่น คือนวัตกรรมที่ทำให้คนพิการทางสายตาทำกิจกรรมกับคนอื่นในสังคมได้ และตอบโจทย์แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือถ้าต้องบอกเล่าถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมจริงๆ ก็เป็นการพูดถึงเพื่อชวนให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการออกแบบเพื่อทุกคน
พลอยเห็นว่า ผู้ฟังพอดแคสท์ที่เธอกับทีมกำลังจะพัฒนาขึ้นมานั้นควรได้รู้ว่า พอดแคสท์จัดทำโดยคนพิการทางสายตา เพื่อคนฟังจะได้เชื่อถือว่าเรื่องที่พวกเขากำลังจะเล่ามาจากประสบการณ์ของคนพิการจริง
พวกเขาตั้งชื่อรายการนี้คือ The Thinker เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าในช่วงแรกของโครงการ จะสัมภาษณ์นักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงคนพิการว่ามีหลักการหรืออุดมการณ์ใดจนเกิดเป็นผลลัพธ์เหล่านี้ได้ อีกรูปแบบที่ทางทีมอยากดำเนินการเช่นกันคือการเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันเพื่ออัปเดตสถานการณ์ของคนพิการในเมืองไทยว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร มีอุปสรรคไหนในการดำเนินชีวิต หรือมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ อะไรที่อยากแชร์ให้คนพิการคนอื่นต่อเพื่อเป็นประโยชน์กับชีวิตพวกเขา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการกับ Youth Co:Lab 2021 พวกเขาตั้งใจจะผลิตพอดแคส์ออกมาทั้งหมด 3 ตอนในหัวข้อที่แตกต่างกัน
พลอยเน้นย้ำว่าในปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ คนพิการทางสายตาก็หลีกหนีสิ่งเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกันเพราะเราทุกคนอยู่ในสังคมเดียวกัน คนพิการทางสายตาที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือเข้าถึงเทคโนโลยีลำบากก็จะได้รับโอกาสน้อยกว่าคนพิการทางสายตาที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ กลายเป็นปัญหาทับซ้อนกันหลายมิติที่สามารถผลักพวกเขาให้ออกไปอยู่ที่ชายขอบของสังคม และอาจถูกลืมไว้ข้างหลังไม่วันใดก็วันหนึ่ง เธอคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมด้วยหัวใจว่าโปรเจ็คท์พอดแคสท์ The Thinker จะเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนให้ทุกคนได้เข้าใจซึ่งกันและกัน มองเห็นคุณค่าที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน และจับมือกันสร้างสังคมที่ทุกคนเข้าถึงทุกโอกาสได้อย่างยั่งยืน
ติดตามและให้กำลังใจกลุ่ม “เราเหมือนกัน” ผ่าน “The Thinker Podcast” ได้ เร็วๆ นี้