- Published Date: 13/11/2021
- by: UNDP
ความเข้าใจผิด 5 ประการเกี่ยวกับคนข้ามเพศ
“หนูเริ่มกินยาคุมตั้งแต่ม. 1 ถ้าหนูไม่กิน คนก็จะไม่ยอมรับ” เสียงเล็กใสๆเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองในฐานะผู้หญิงข้ามเพศ ‘ปิ่น’ (นามสมมติ) เป็นเยาวชนอายุ 14 ปี กำลังเรียนอยู่ในจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน เธอระบายถึงความอัดอั้นตันใจกับสิ่งที่สังคมยัดเยียดให้เธอเป็น ทั้งที่เธอไม่ได้อยากจะยอมรับมัน “หนูไม่ได้กินยาคุมมา 4 วัน หนูกลัวจะเป็นผู้ชายมาก หนูจะรู้สึกแย่กับตัวเอง สังคมก็จะมีท่าทีแปลกไป”
คนข้ามเพศจะมีความกังวลอย่างมากว่าสังคมจะไม่เข้าใจ วันนี้ GendersMatter ร่วมกับ UNDP Thailand จะพามาทำความเข้าใจกับความเข้าใจผิด 5 ข้อที่สังคมมีเกี่ยวกับคนข้ามเพศ เพื่อไม่ให้เกิดการผลิตซ้ำความเชื่อที่ว่าอีก
(1) “ต้องผ่าตัดแปลงเพศแล้วเท่านั้น ถึงจะถือว่าเป็นคนข้ามเพศ” – นิยามของการข้ามเพศตามหลักสิทธิมนุษยนสากลคือ การกำหนดใจตนเอง (Self determination) ว่าอัตลักษณ์ทางเพศของเขาแตกต่างจากเพศกำเนิด ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะตัดสินใจผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัดแปลงเพศ ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นคนข้ามเพศ (transness) ลดลงแต่อย่างใด นอกจากนี้ ความเข้าใจผิดนี้ ยังเป็นการกีดกันและลดทอนความเป็นคนข้ามเพศ ของคนข้ามเพศที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านการแปลงเพศ ด้วยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจสังคมอีกด้วย
(2) “ไม่มีเด็กที่เป็นคนข้ามเพศ” – เมื่อความเป็นคนข้ามเพศไม่ได้ขึ้นอยู่กับการผ่าตัด นั่นก็แปลว่า เด็กที่รู้สึกว่าตัวเองเกิดผิดร่างและประสบกับความทุกข์ที่เกิดจากร่างกายไม่ตรงกับเพศภาวะ (gender dysphoria) ก็ถือว่าเป็นคนข้ามเพศแล้ว มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ยิ่งเด็กที่เป็นคนข้ามเพศได้รับการบริการด้านการข้ามเพศ (gender affirming care) เร็วขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผลดีกับสุขภาพจิตของเด็กมากเท่านั้น ฉะนั้น ควรสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงบริการทางสุขภาพสำหรับเด็กที่เป็นคนข้ามเพศมากขึ้น
(3) “คนข้ามเพศแบ่งได้เพียงสองประเภท คือ ชายข้ามเพศและหญิงข้ามเพศ” – เพศภาวะของคนข้ามเพศไม่จำเป็นต้องระบุว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเพียงเท่านั้น มีคนข้ามเพศหลายคนที่มองว่าตนไม่ได้เป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย แต่เป็น ‘นอนไบนารี’ ที่ไม่อยู่ในขนบระบบสองเพศ (gender binary system) ฉะนั้นแล้ว การบังคับให้คนข้ามเพศต้องอยู่ในกล่องชายหญิง จึงถือเป็นการกีดกันคนข้ามเพศบางกลุ่มออกไป
(4) “การข้ามเพศจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนส์ประกอบด้วย” – เช่นเดียวกันกับเรื่องของการผ่าตัด สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างมากคือ ไม่ใช่คนข้ามเพศทุกคนจะสามารถจับจ่ายและเข้าถึงการรับฮอร์โมนส์ได้ นอกจากนี้ อีกหลายคนก็พอใจที่จะไม่รับฮอร์โมนส์ อันที่จริง การข้ามเพศสามารถทำโดยการบอกคนรอบข้างว่าตนเป็นคนข้ามเพศ โดยเรียกว่า “Social Transitioning” ซึ่งเป็นการยืนยันตัวตนของคนข้ามเพศโดยไม่ต้องยึดโยงกับการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
(5) “ผู้หญิงข้ามเพศต้องแสดงออกถึงความเป็นหญิง ผู้ชายข้ามเพศต้องแสดงออกถึงความเป็นชาย” – เช่นเดียวกันกับคนที่มีอัตลักษณ์ทางเพศตรงกับเพศกำเนิด คนข้ามเพศไม่จำเป็นต้องมีความเป็นหญิงหรือความเป็นชายตามที่สังคมคาดหวังและกำหนดแต่อย่างใด เพราะเราทุกคนสามารถแสดงออกได้ตามที่อยากจะแสดงออก การกำหนดให้เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้มีแต่จะทำให้ทุกข์ใจกันไปเปล่า ๆ คงจะดีกว่าถ้าสังคมยอมรับกันที่ตัวตนมากกว่าแค่ความเป็นหญิงหรือชาย
“สังคมบังคับให้เราอยู่ในกรอบตามแบบที่พวกเขาเข้าใจ ถ้าหนูไม่ได้อยู่ในกรอบนั้น ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ” ปิ่นเล่าให้ฟัง ก่อนจะพูดถึงการตัดสินใจของเธอที่เลือกจะเป็นไปในแบบที่ตนอยากจะเป็น “คนข้ามเพศไม่จำเป็นต้องเทกฮอร์โมนส์นะ สบายใจแบบไหนก็ทำเลย ไม่ต้องไปว่ากัน” ทางเราพยักหน้าเห็นด้วยไปกับปิ่น คนข้ามเพศจะอยู่ได้อย่างมีความสุข หากสังคมยอมรับให้พวกเขาออกจากพันธนาการความเข้าใจผิดได้
เพราะท้ายที่สุด
เราก็เป็นคนเหมือนกัน