- Published Date: 05/08/2020
- by: UNDP
เยาวชน เศรษฐกิจ และโควิด-19: ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งต่อไปสู่มิติอื่นของชีวิตเยาวชน
“เด็กและเยาวชนกว่า 8 ใน 10 กังวลเรื่องสถานะทางการเงินของครอบครัวในช่วงโควิด-19 มากที่สุด”
“เยาวชนที่ทำงานประจำและพาร์ตไทม์ร้อยละ 23 ว่างงานเพราะผลกระทบจากโควิด-19”
เหล่านี้คือข้อเท็จจริงที่ได้จากการสำรวจเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 30 ปีทั่วประเทศกว่าหกพันคนเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ที่จัดทำโดยสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย UNICEF UNDP และ UNFPA
ความกังวลและผลกระทบเหล่านี้มาจากการใช้นโยบายล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ แต่ผลที่ตามมาอย่างรุนแรงคือผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ผู้คนจำนวนไม่น้อยไม่สามารถประกอบกิจการหรือทำงานรับจ้างได้อย่างที่เคยเป็นมา
ความยากลำบากทางการเงินยังถูกซ้ำเติมจากการที่ต้องอยู่บ้านเป็นเวลาที่ยาวนานขึ้น รายจ่ายจึงยิ่งมากขึ้น สวนทางกับรายได้ที่ลดลง ภาระและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่เด็กและเยาวชนทั้งที่ต้องหาเงินดูแลตัวเอง และทั้งที่ยังพึ่งพาการเงินจากผู้ปกครองต่างรับรู้ได้
ปัญหาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เยาวชนได้รับมีดังนี้
- เด็กและเยาวชนที่ผู้ปกครองอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
ข้อมูลจากสภาพัฒน์ระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี จำนวนคนว่างงานมากขึ้นเป็นร้อยละ 1.03 และมีผู้ว่างงานแฝงจำนวน 448,050 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ตัวเลขอาจสะท้อนผลกระทบจากโควิด-19 ได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร เนื่องจากไตรมาสแรกยังเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นการระบาด อย่างไรก็ตามสภาพัฒน์คาดการณ์ว่าจะมีคนเสี่ยงถูกเลิกจ้างถึงกว่า 8.4 ล้านคนจากโรคระบาดนี้
ด้านเด็กและเยาวชนเอง เมื่อโรงเรียนเลื่อนเปิดเทอมออกไปเรื่อยๆ ระยะเวลาอยู่บ้านที่ยาวนานขึ้นส่งผลให้ค่าอาหารกลางวันที่เคยครอบคลุมในที่โรงเรียนก็กลับมาเป็นความรับผิดชอบของทางบ้าน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ชี้ว่าการหยุดโรงเรียนจึงไม่ได้หมายถึงแค่เพียงการขาดการศึกษาอย่างต่อเนื่อง แต่คือโอกาสในการเข้าถึงอาหารที่ถูกหลักโภชนาการที่ลดลงด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น กสศ. ชี้ว่าเป็นไปได้ว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลให้นักเรียนจำนวนหนึ่งต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มที่ครอบครัวมีรายได้น้อยอยู่แล้ว เพราะสภาพเศรษฐกิจอันหนักหน่วงอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้ อีกทั้งเยาวชนบางส่วนจำต้องไปช่วยผู้ปกครองหารายได้เพื่อประคองให้เศรษฐกิจของครอบครัวดำเนินต่อไปได้ ปัญหาทางเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 จึงอาจหมายรวมถึงอนาคตระยะยาวที่เปลี่ยนไปของใครหลายๆ คนด้วย
- เยาวชนที่ทำงานพาร์ทไทม์หรือหารายได้ด้วยตัวเอง
สำหรับเด็ก เยาวชน และนักเรียนบางคน การทำงานพาร์ตไทม์คือรายได้หลักที่ทำให้พวกเขามีกินมีใช้ในชีวิตประจำวัน หลายคนไม่ได้ขอเงินสนับสนุนจากที่บ้านมาเป็นเวลานาน ครั้นจะไปขอในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขายิ่งลำบากใจเพราะรู้ทั้งรู้ว่าใครๆ ต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
เช่นเดียวกับนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในกรุงเทพมหานครรายหนึ่งที่เข้ามาทำแบบสอบถามของยูนิเซฟ เธอเป็น 1 คนใน 23% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ทำงานและถูกเลิกจ้าง เธอระบุว่าเธอทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ตกงานในช่วงโควิด-19 ส่วนที่บ้านก็ไม่มีรายได้ เธอจึงไม่กล้ารบกวนผู้ปกครองเพราะเกรงว่าจะยิ่งเป็นภาระให้กับพวกเขา เธอได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะจัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้ จำนวนไม่ต้องมาก แต่เพียงพอในการต่อยอดใช้ชีวิต
สอดคล้องกับข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ที่ระบุว่าคนที่มีอายุ 15-24 ปีทั่วโลก คือกลุ่มที่ถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมากและเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการตกงานมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ทั้งนี้เป็นเพราะเยาวชนจำนวนมากทำงานอยู่ในกิจการที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 อีกทั้งยังมักเป็นแรงงานนอกระบบที่ไม่มีสวัสดิการจากการเลิกจ้าง ส่วนในประเทศไทยเงินเยียวยา 5,000 บาทสำหรับแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แม้จะครอบคลุมแรงงานนอกระบบบางส่วน แต่หนึ่งในเกณฑ์ที่ระบุไว้คือต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ จากแบบสอบถามของยูนิเซฟ เยาวชนบางรายเสนอเรื่องความต้องการได้รับค่าศึกษาเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องคืนส่วนหนึ่ง เพราะโอกาสในการเข้าถึงและใช้ทรัพยากรต่างๆ ของสถาบันลดลง แต่พวกเขาได้ชำระค่าใช้จ่ายเหล่านั้นไปแล้วล่วงหน้า หากได้เงินกลับมาส่วนหนึ่งก็จะช่วยบรรเทาปัญหาด้านความไม่มั่นคงทางการเงินที่หลายๆ คนเผชิญอยู่ได้
- เยาวชนที่เพิ่งจบการศึกษา
สภาพัฒน์ระบุว่าช่วงกลางปีนี้มีเด็กจบใหม่ที่รอเข้าสู่ตลาดแรงงานถึง 5.2 แสนล้านคน
แม้ธุรกิจหลายแห่งเริ่มกลับมาเปิดดำเนินกิจการเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าสถานการณ์ยังไม่เหมือนเดิม ความต้องการพนักงานใหม่จึงไม่สูงนัก อีกทั้งหลายบริษัทก็เพิ่งปลดพนักงานไปเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้บริษัทดำเนินกิจการต่อไปได้ สถานการณ์นี้ทำให้มีคนวัยทำงานว่างงานหรือกำลังหางานใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เด็กจบใหม่ที่ประสบการณ์ทำงานน้อยหรืออาจไม่มีตกอยู่ในที่นั่งลำบากเป็นอย่างมาก
สำหรับเยาวชนไทยในหลายครอบครัว หากไม่ได้รับผิดชอบตนเองด้านเศรษฐกิจมาก่อนหน้านี้ การจบการศึกษามักเป็นหมุดหมายแห่งวัยที่ระบุว่าถึงเวลารับผิดชอบตนเองด้านเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ นี่อาจนำมาซึ่งความกังวลใจของเยาวชนที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ หากเยาวชนกลุ่มนี้ไม่สามารถหางานได้ภายใน 1-2 ปี อาจยิ่งเข้าสู่การจ้างงานได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากนายจ้างมีแนวโน้มเลือกรับเด็กที่จบใหม่ในปี 2564 หรือผู้ที่มีทักษะและประสบการณ์การทำงานมากกว่า
อ้างอิง:
https://mgronline.com/business/detail/9630000069845
https://www.unicef.org/thailand/th/media/4031/file
https://www.bbc.com/thai/international-52829935
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/876078
กสศ. อนุมัติมาตรการช่วยเด็กเยาวชนแรงงานด้อยโอกาส 7.5 ล้านคน จากผลกระทบโควิด-19